ประวัติความเป็นมาของสโมสร เชลซี กว่าจะกลายมาเป็นยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก

สโมสรฟุตบอล เชลซี หรือ สิงโตน้ำเงินคราม เริ่มก่อตั้งเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ณ ผับชื่อ เดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 195455

ในช่วงปี 1996 ได้มีการแต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งนักเตะในทีมและผู้จัดการทีม เชลซี สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จในยุคของ กุลลิทนี้

ต่อมาในปี 1997 ได้มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเจ้าตัวก็ยังเป็นทั้งนักเตะและผู้จัดการทีมไปด้วยในช่วงแรก ในยุคของ วิอัลลี่ นี้สามารถพาทีมได้ครองแชมป์ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ และลีกคัพ และสามารถเข้าชิง”ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ”ได้เป็นปีที่สองติดต่อกันก่อนที่จะพ่ายในศึกที่เจอกับ ลาซิโอ ทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน “ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ”

ต่อมาในปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือและป็นย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เข้าทำหน้าที่แทนเป็นกุนซือคนใหม่ ในยุคของ รานิเอรี นั้น เชลซี มีผลงานดีมากๆยังติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ

เข้าช่วงเดือน มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช ชาวรัสเซีย เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบสต์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อผลปรากฏว่ากิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรี ซึ่งเป็นกุนซือในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป แต่ในช่วงนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทัพโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ แต่เมื่อสิ้นสุดซีซั่นแข่งขัน เชลซี ไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ใดมาครองได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของศึก พรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่าแชมเปียนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางผู้บริหารทีมเห็นควรให้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา

ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนกุนซือทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้สร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างมากในสมัยนั้นกับบทสัมภาษณ์และทัศนะและแผนการเล่นของตัว มูริญโญ่ เอง

ต่อมาปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ทีมประสบควาสำเร็จได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสรขึ้นมา

ยังไม่พอ ในปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้ครองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งถึงสองสมัยติดต่อกัน

แต่ในช่วง 20 กันยายน พ.ศ. 2550 วันนี้ก็มาถึง เมื่อ มูรินโญ่ ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอ แบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 และได้มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant) มารับหน้าที่แทน

ต่อมาในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ก็ได้สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ แต่เขาก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีม เชลซี ต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ก็ไม่สำเร็จไม่สามารถทำได้โดยในนัดสุดท้ายทำผลงานได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 ซึ่งเป็นการออกนำไปก่อนและถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาล เชลซี ทำคะแนนได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม

ต่อมาในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ทีมก็มีโอกาสเข้าชิงแชมป์ในศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสร ในนัดนั้นเป็นการพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ผลการแข่งขันคือ เสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 6-5 ประตู

สแตมฟอร์ดบริดจ์

สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลที่เดียวของทีม เชลซี ตั้งแต่ในช่วงที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในลอนดอน สนามแห่งนี้ได้มีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2420 ซึ่งในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามในการแข่ง กรีฑา อีกด้วย สนาม สแตมฟอร์ดบริดจ์ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสกอตแลนด์ บรรจุคนได้กว่า 42000 ที่นั่ง Archibald Leitch